อะไรคือสิ่งที่ นิชิโนะ ต้องปรับ หากต้องคุมทีมชาติไทย ต่อไป
อะไรคือสิ่งที่ นิชิโนะ ต้องปรับ หากต้องคุมทีมชาติไทย ต่อไป
หลังจากที่ ทีมชาติไทย ของเราตกรอบในศึกฟุตบอลโลกด้วยการเป็นอันดับ 4 จาก 5 ทีม ซึ่งแน่นอนว่าผลงานแบบนี้ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆก็ คือ เฮดโค้ชอย่าง อากิระ นิชิโนะ โดยจากผลงานและการเข้ามาทำงานฬฯประเทศไทยของกุนซือชาวญี่ปุ่นผู้นี้ เราจะพบว่าเจ้าตัวมีอีโก้อยู่พอสมควร ฉะนั้นในบทความนี้เราจะดูถึงจุดด้อยที่ นิชิโนะ ต้องปรับ หากยังได้รับโอกาสคุมทัพช้างศึกต่อ
การเลือกสตาฟโค้ชเข้ามาทำงาน
โค้ชเฮง วิทยา เลาหกุล ซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่นมาก่อน เคยแนะนำว่า นิชิโนะ ควรเอาสตาฟโค้ชชาวญี่ปุ่นมาทำงานด้วย เพื่ออย่างน้อยๆจะได้เป็นการผสมผสานระหว่างสตาฟญี่ปุ่นและไทย แต่ตัวกุนซือวัย 66 ปี ผู้นี้ กลับวางแนวทางด้วยการใช้สตาฟคนไทยทั้งหมด ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้โค้ชไทยได้วิชาจากเขา แต่จากภาพที่ปรากฏจะพบว่าศักยภาพสตาฟโค้ชชาวไทยยังเดินตาม นิชิโนะ ไม่ทัน ทำให้เนื้องานและการคุมทีมชาติไทยชุดต่างๆเสมือนกับ นิชิโนะ ทำงานคนเดียว ฉะนั้นหากเอาสตาฟโค้ชญี่ปุ่นมาสัก 1-2 คน เพื่อมาช่วยงาน พร้อมกับช่วยดูทีมชาติชุดเล็ก แล้วจากนั้นค่อยเอาสตาฟโค้ชคนไทยเข้าไปผสม ซึ่งการวางโครงสร้างลักษณะนี้อาจจะเป็นผลดีกับ นิชิโนะ ทีมชาติไทย และสตาฟโค้ชชาวไทย
การใช้ล่ามให้ถูกกับประเภทของงาน
ก่อนหน้านี้ล่ามประจำตัว นิชิโนะ คือ คุณณฐกร เทียมกีรกุล แต่จากการที่ทีมชาติไทย ไม่มีโปรแกรมแข่งขัน ทำให้คุณกรโยกไปรับงานล่ามประจำตัวของ เจ้าย้า สิทธิโชค ภาโส ที่ย้ายไปค้าแข้งในศึกเจทู ประเทศญี่ปุ่น นั่นจึงทำให้ นิชิโนะ ต้องหาล่ามประจำตัวใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล เพราะตัวกุนซือวัย 66 ปี เลือกเอาล่ามที่เคยหาบ้านพักให้มาทำงานด้วย ซึ่งการเป็นล่ามในชีวิติประจำวันนอกสนาม มันส่งผลต่อการทำงานในสนามแข่งขันของ นิชิโนะ เพราะแม้ว่าจะแปลภาษาญี่ปุ่นได้เหมือนกัน แต่หากไม่ได้ชอบฟุตบอลและไม่ค่อยรู้ศัพท์ทางเทคนิค การส่งข้อมูลจากโค้ชไปสู่นักเตะจะเกิดปัญหา ดังจะเห็นได้จาก 3 นัด ที่ลงแข่ง ณ ประเทศยูเออี ที่ต้องมีโค้ชจุ่นเข้ามาช่วยพูดกับนักเตะ
ความเข้าใจต่อรูปแบบของนักฟุตบอลไทย
นิชิโนะ มีแนวทางการสร้างทีมด้วยระบบ จากนั้นค่อยหานักเตะที่เข้ากับระบบมาใส่ ซึ่งนี่นับเป็นสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลญี่ปุ่นได้ไปฟุตบอลโลก โดยพื้นฐานของฟุตบอลญี่ปุ่น ตั้งแต่เด็กจนโต รวมถึงลีกอาชีพ พวกเขามีแนวทางที่คล้ายคลึงกันหมด ฉะนั้นการเลือกนักเตะมาติดทีมชาติจะค่อนข้างง่าย ด้วยการดูจากฟอร์ม ส่วนการฝึกซ้อมก็ไม่ต้องใช้เวลาให้มากมาย แต่สำหรับฟุตบอลไทย เด็กแต่ละคนเจอโค้ช เจอระบบการเล่นที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ตั้งแต่เด็กยันโตต้องเปลี่ยนแนวการเล่นไปตามโค้ช จนถึงการเล่นลีกอาชีพกับสโมสร ที่แต่ทีมจะมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกัน ทำให้การมารวมตัวกันในแคมป์ทีมชาติต้องปรับจูนและต้องใช้เวลา ฉะนั้นนี้คือสิ่งที่ นิชิโนะ ต้องทำความเข้าใจ เพราะนักเตะไทย ใช่ว่าฟอร์มดีแล้วจะสามารถทดแทนตำแหน่งกันได้ทุกคนเหมือนนักเตะญี่ปุ่น