สิ่งที่พ่อแม่ ควร ไม่ควรทำ หากต้องการดันลูกให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ
สิ่งที่พ่อแม่ ควร ไม่ควรทำ หากต้องการดันลูกให้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ
ในอดีตหากลูกหลานคนไหนบอกว่าอยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ย่อมถูกพ่อแม่กีดขวางเต็มที่ เพราะในอดีตมันคืออาชีพไส้แห้ง หรือเอาไว้เป็นเพียงอาชีพเสริมเท่านั้น แต่กลับกันในปัจจุบัน การเป็นนักฟุตบอลอาชีพจัดว่ามีเกียรติและมีหน้ามีตาในสังคม เพราะด้วยเงินเดือนที่สูงลิบจนสามารถเลี้ยงครอบครัวได้แบบสบายๆ ทำให้ยุคปัจจุบันมีพ่อแม่หลายคน ส่งเสริมให้ลูกเล่นกีฬาฟุตบอล แต่กระนั้นกว่าเดินไปถึงจุดหมาย พ่อแม่ย่อมต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อเป็นหน่วยกำลังเสริมที่ถูกและไม่ใช่ตัวบั่นทอนการพัฒนาของลูก
การเอาดีทางฟุตบอลจากความชอบลูก ไม่ใช่ความชอบของพ่อแม่เพียงฝ่ายเดียว
หัวข้อนี้อาจเป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้วว่าการให้ลูกเอาดีทางกีฬาสักชนิด ต้องเกิดจากความชอบ ไม่ใช่เกิดจากการบังคับ หรือเพราะพ่อแม่ชอบฝ่ายเดียว เนื่องจากมันจะมีความเสี่ยงที่ดันทุรังแล้วจะไม่ถึงเป้าหมาย โดยการตัดสินใจว่าจะเอาดีทางด้านฟุตบอลหรือไม่ มันมีเวลาให้เด็กได้คิดถึงช่วงอายุ 12 ปี หรือ ป.6 เพราะการพัฒนาและเติบโตจะอยู่ในช่วงอายุ 13-18 ปี ซึ่งหากเลยกว่านี้มันจะพัฒนาไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ยาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าจะเป็นไปไม่ได้สะทีเดียว
การเลือกอะคาเดมี่ที่มีแบบสอนที่ถูกต้อง
อะคาเดมึ่ หรือสถาบันฝึกสอนฟุตบอล นับเป็นย่างก้าวสำคัญของเด็กเยาวชนที่จะเริ่มต้นเป็นนักฟุตบอล ทำให้ในปัจจุบันมีมีอะคาเดมี่เปิดใหม่มากมายนับไม่ถ้วน อีกทั้งด้วยจำนวนที่มากมายนี้ ทำให้มาตรฐานก็ไม่เหมือนกัน อีกทั้งอะคาเดมี่หลายที่เลือกจะสร้างชื่อเสียงแบบรวดเร็วที่สุดด้วยการส่งแข่งให้มาก เพื่อให้มีแชมป์เยอะๆตามมา แล้วทางฝั่งของพ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ใช้เกณฑ์ตรงนี้ในการเลือกอะคาเดมี่ให้ลูกเรียน ซึ่งมันเป็นแนวทางที่ผิด เพราะเด็กในช่วง 13-18 ปี ต้องฝึกทักษะพื้นฐานให้ถูกต้องก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจากนั้นค่อยไปเรียนรู้แท็กติกและประสบการณ์ในการแข่งขัน มิใช่ข้ามขั้นตอนการฝึกขั้นพื้นฐาน แล้วเลือกส่งเด็กไปแข่งขันเพรียวๆแบบนี้
การตะโกนสั่งลูก ขณะเรียนหรือแข่งขัน
หลายครั้งพ่อแม่ผู้ปกครองจะไปเกาะรั้วยืนดูลูกเรียน หรือแข่ง แล้วบางครั้งอาจตั้งใจหรือเผลอไปตะโกนสั่งลูก ซึ่งการกระทำแบบนี้นับเป็นสิ่งที่ผิด เพราะสิ่งที่ตะโกนออกไปอาจขัดหรือไม่ตรงกับที่โค้ชสั่ง กระทั่งเด็กเกิดความสับสน เสียสมาธิ และเล่นออกมาได้ไม่ดี ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ควรเก็บไว้ก่อน แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโค้ช
ไม่กดดันและเป็นครูฝึกคนที่ 2 ให้ลูก
การตำหนิและการกดดันลูก นับเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจเด็กมากที่สุด เนื่องจากนี่เป็นช่วงวัยของการพัฒนา มันจึงไม่แปลกที่จะต้องมีวันที่ดีและพลาด โดยทางที่ดีที่สุด คือ พ่อแม่ผู้ปกครอง จะต้องปรึกษาและพูดคุยกับลูกให้มากๆ เพื่อให้ทราบถึงปัญหา จากนั้นค่อยฝึกซ้อมพิเศษเอง ฉะนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้วิธีการฝึกจากอะคาเดมี่ รวมถึงในด้านโภชนาการต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยหล่อหลอมให้เด็กมีโอกาสสูงมากขึ้นที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่มีคุณภาพ