วิวัฒนาการของสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ทีมรากหญ้า ที่ก้าวทีละสเต็ปอย่างมั่นคง

หากย้อนกลับไปเมื่อราว 10 ปีก่อน แล้วถามถึงสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ใครหลายคนอาจไม่รู้จักและเดาว่าคงเป็นทีมเล็กๆในลีกรากหญ้า จากนั้นถ้าขยับมาหน่อย แฟนบอลชาวไทยจะพอรู้จักว่าเป็นทีมในไทยลีก แต่หากถามในช่วง 2-3 ปีมานี้ ชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา คือ ทีมเล็กที่ใครๆก็รู้จัก เพราะด้วยผลงานโหดเหี้ยมเกินบรรยาย ซึ่งการเดินทางมาตลอด 1 ทศวรรษนี้ กว่างโซ้งต้องผ่านกับอะไรมาบ้าง วันนี้เราจะไปย้อนดูกัน

การสร้างทีมเริ่มขึ้นในปี 2009 แล้วส่งแข่งดิวิชั่น 2 โซนภาคเหนือ จากนั้นปี 2010 เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 และปี 2011 ขึ้นสู่ไทยพรีเมียร์ลีก ในฐานะอันดับ 3 ของตาราง นั่นจึงเท่ากับว่า 2 ของปีของ เชียงราย ยูไนเต็ด พวกเขาก้าวกระโดดจากลีกรากหญ้าสู่ลีกสูงสุด พร้อมกันนั้นเรายังได้รู้จักประธานหนุ่มในวัย 23 ปี อย่าง มิติ ติยะไพรัช โดยการขึ้นมาอยู่ลีกสูงสุดครั้งแรก กว่างโซ้งมีผลงานในสนามที่ดีกับการรอดตกชั้น แต่เรื่องนอกสนามจัดว่าโหดร้ายสำหรับพวกเขา กับการประสบอุบัติเหตุของแฟนบอลและผู้ทำงานใกล้ของบิ๊กฮั่น

นับจากนั้น เชียงราย ยูไนเต็ด คือ สโมสรเล็กๆที่มักจบกลางค่อนล่างของตาราง โดยจะมีปี 2013 ที่ใกล้เคียงกับคำว่าตกชั้น ส่วนในเรื่องของนักเตะไทย มักเป็นเกรดบี-ซี ขณะที่ต่างชาติมักเป็นของใช้แล้วจากทีมใหญ่ อย่างไรเสียพวกเขาก็พยายามอัพตัวเองขึ้นมา จนสามารถจบกลางตารางได้

ปี 2017 เชียงราย ยูไนเต็ด ได้สปอนเซอร์รายใหญ่เข้ามา ทำให้กลายเป็นทีมเงินถุงเงินถังจากการกวาดซื้อนักเตะระดับท็อป จนปีนั้นสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยได้ จากนั้นในปีถัดมาก็ยังกวาดแชมป์บอลถ้วยได้อีก ซึ่งเมื่อถึงตรงนี้คงไม่มีใครกล้ามองข้ามกว่างโซ้งตัวนี้ได้อีกแล้ว เพราะผลงานใน 2 ปีดังกล่าว มันช่างโหดเหี้ยมเสียเหลือเกิน

ปี 2019 นับเป็นบันไดก้าวสำคัญของ เชียงราย ยูไนเต็ด เพราะมีการส่งตำแหน่งประธานสโมสรจากบิ๊กฮั่น ไปยัง ประธานฮาย ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช ผู้เป็นน้องสาว โดยในปีดังกล่าว พี่ชายจะทำหน้าที่เป็นเสมือนผู้ช่วยโค้ช ส่วนน้องสาวจะดูแลจัดการหลังบ้านทุกอย่าง กระทั่งตรัสรู้ว่าการใช้เงินต้องไม่ฟุ้งเฟื้อ แต่ต้องมองในเรื่องศักยภาพเป็นสำคัญ นั่นจึงทำให้ปีนั้น เชียงราย ยูไนเต็ด สามารถยืนระยะได้นาน จนท้ายที่สุดเข้าป้ายในฐานะแชมป์ไทยลีก

ปี 2020 ถึง ปัจจุบัน นับเป็นย่างก้าวสำคัญของ เชียงราย ยูไนเต็ด ในการไปแข่งขันฟุตบอลระดับทวีป ซึ่งในปีแรกผลงานไม่ค่อยดีนัก ขณะที่ในปีนี้ผลงานดีจนเกือบมีลุ้นเข้ารอบ ทำให้จากที่ไล่เรียงมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่ากว่างโซ้งตัวนี้ผ่านการลองผิดลองถูกมานับครั้งไม่ถ้วน แต่อย่างไรเสียสิ่งเหล่านั้นทำให้พวกเขาก้าวขึ้นมาทีละสเต็ปอย่างมั่นคง จนอาจกล่าวได้ว่าแนวทางการทำทีมของ เชียงราย ยูไนเต็ด น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำทีมแบบเน้นศักยภาพมากกว่าใช้เงินแก้ปัญหา รวมถึงการทำทีมอย่างไรให้มั่นคง ไม่ใช่บริหารแบบขอไปที หรือถังแตกเมื่อไรก็ยุบทีม