ล่ามในงานโค้ชที่ดี ต้องเป็นอย่างไร

ล่ามในงานโค้ชที่ดี ต้องเป็นอย่างไร

จากกรณีล่าสุดที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ทำการยกเลิกสัญญาล่ามประจำตัวของ นิชิโนะ ออก เพราะมองในเรื่องของความเหมาะสมที่ไม่สามารถถ่ายทอดในภาษาฟุตบอลได้ ซึ่งการที่ นิชิโนะ นำล่ามคนนี้เข้ามา แล้วสมาคมฟุตบอลยกเลิกไป ใครทำถูก-ทำไม่เหมาะอย่างไร รวมถึงการมีล่ามที่ดีให้กับโค้ชต้องเป็นอย่างไร วันนี้เราจะมาอธิบายกัน

อย่างแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าการเป็นล่าม แม้จะมีทักษะทางการสื่อสารระหว่าง 2 ภาษา อย่างคล่องแคล่ว แต่ในจิตลึกๆมันจะต้องมีความเป็นคนชาติใดชาติหนึ่ง ฉะนั้นตรงจุดนี้มันจะพอบ่งบอกได้ว่าล่ามแต่คนจะเหมาะสมจะทำงานอย่างไร เช่น คนไทยที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ การทำงานกับคนไทยในญี่ปุ่น จึงย่อมดีกว่าการเป็นให้คนญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยที่กล่าวเช่นนี้มันเป็นเพราะว่าคนชาติเดียวกันย่อมรู้นิสัยใจคอ คำสแลงบางอย่างที่จำเพาะสำหรับคนชาตินั้น

ทีนี้การที่ อากิระ นิชิโนะ เอา ยูกิ ธีรเนตร ยูกิ ทานากะ มาเป็นล่ามแทนคุณกร ณฐกร เกียมกีรกุล ที่ไปเป็นล่ามและผู้ดูแลเจ้าย้า สิทธิโชค ภาโส ที่ เอฟซี ริวกิว ในเจทู มันเห็นลางตั้งแต่แรกว่ามันไม่ดีแน่ เพราะ คุณยูกิ ก็สารภาพเองว่าไม่มีความรู้ทางด้านฟุตบอล ซึ่งนั่นจะส่งผลให้การสื่อสารความต้องการจากโค้ชไปยังนักเตะที่ไม่ดีพอ กล่าวคือ ยูกิ เข้าใจในสิ่งที่ นิชิโนะ ต้องการสื่อ แต่การแปลออกมาเป็นภาษาไทยไปยังนักเตะอาจมีงงๆจนขาดความน่าเชื่อถือ กระทั่งโค้ชจุ่นต้องเข้ามาช่วยเป็นสะพานในการส่งต่อความเข้าใจตรงนี้ ฉะนั้นไม่ต้องพูดถึงการปลุกใจหรืออย่างอื่นเลย ที่คนญี่ปุ่นหรือคนชาติไหนๆย่อมไม่รู่เท่ากับคนไทยด้วยกันเอง โดยการแปลแล้วนักเตะไม่เข้าใจ ไม่ฮึกเหิม แล้วไปรวมกับการซ้อมน้อยและอุปสรรคที่เราเจอ ก็คงไม่แปลกนักที่ผลงานของทีมชาติไทยจะไม่ดีและดูกระท่อนกระแท่นไปหมด

ฉะนั้นหากการหาล่ามคนต่อไปให้ นิชิโนะ จึงต้องมีคุณสมบัติที่มากกว่าการแปลภาษา ได้แก่ การเป็นคนไทยที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นดี มีความรู้เรื่องฟุตบอลเพื่อให้มีความสนุกกับงาน รวมถึงรู้ภาษาและแท็กติก สำคัญที่สุด คือ มีวาทศิลป์ในการพูด ซึ่งมันจะช่วยปลุกใจนักเตะไทยในยามคับขันได้ โดยการตามหาล่ามก็ไม่ยาก เพราะบริษัทของคุณกร ก็มีล่ามฟุตบอลที่พูดญี่ปุ่นได้ หรือจะเป็นในเครือข่ายของ คุณทิวาพล สังขพันธ์ ที่ปัจจุบันเป็นล่ามของ เจ ชาธิป โดย ทิซัง มีล่ามที่เคยดูแลนักฟุตบอลไทยในเจลีกมาแล้ว