ระบบการเล่นที่แตกต่างในลีก คือ ตัวการสำคัญที่ทำทีมชาติไทย ไม่แข็งแกร่ง
ระบบการเล่นที่แตกต่างในลีก คือ ตัวการสำคัญที่ทำทีมชาติไทย ไม่แข็งแกร่ง
ในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย แน่นอนว่าแฟนชาวไทยต่างผิดหวังไปตามๆกัน กับผลงานของ ทีมชาติไทย ที่ต้องตกรอบและอดเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้าย โดยหากไม่ดูถึงผลงานและดูที่ระบบการเล่น เราน่าจะเห็นว่าทัพช้างศึก ภายใต้การนำของ อากิระ นิชิโนะ จะเน้นการเล่นบอลแบบเท้าสู่เท้าที่รวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นหากไปมองถึงรากฐานที่สำคัญอย่างฟุตบอลไทยลีก ตรงนี้อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ ทีมชาติไทย ไม่แข็งแกร่ง
หากชวนย้อนกลับไปเพื่อนึกถึงระบบและแนวทางการเล่นของสโมสรต่างๆในไทยลีก น่าจะมีเพียง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ชลบุรี เอฟซี ที่เน้นการเล่นฟุตบอลด้วยเท้าต่อเท้าแบบชัดเจน แต่ถึงกระนั้นนักเตะจาก 2 ทีมนี้ ไม่ได้เป็นตัวหลักของทีมชาติไทย ส่วนนักเตะที่ถูกเรียกมาเยอะที่สุดเห็นจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งเมื่อดูจากแนวทางของ กาม่า ก็จะเห็นว่าพวกเขานิยมชมชอบกับการเล่นบอลริมเส้นอย่างมาก ขณะที่ทีมแชมป์ไทยลีกอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่มีกองกลางหลายรายถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติ แต่ระบบการเล่นของพวกเขาก็เน้นการเล่นริมเส้น การโยนบอลยาวจากแนวหลัง และการเล่นลูกอากาศ ส่วนสโมสรที่ไม่ได้กล่าวถึงคงไม่ต้องสืบต่อ เพราะแนวทางการเล่นจะเน้นเพียงว่าทำอย่างไรให้บอลถึงกองหน้าตัวต่างชาติอย่างเร็วที่สุดเป็นพอ
แนวทางการเล่นของสโมสรอย่างเช่นที่กล่าวไป นักเตะต้องอยู่กับมันเป็นเดือนเป็นปี ฉะนั้นมันย่อมทำให้นักเตะเกิดความเคยชิน อีกทั้งมันจะสร้างผลเสียกับ ทีมชาติไทย อย่างขนานใหญ่ เพราะเมื่อใดที่ต้องมารวมตัวกัน โค้ชทีมชาติต้องสร้างทีมเวิร์คและความเข้าใจใหม่ ซึ่งมันจะขัดกับโมเดลที่เราอยากเป็นแบบญี่ปุ่น เพราะพวกเขาจะมีแนวทางการเล่นที่เหมือนกันตั้งแต่เด็กยันโต รวมถึงในลีกอาชีพ โดยถ้าทีมไหนมีแนวทางการเล่นที่แปลกแยกออกไป มันก็จะส่งผลเสียให้นักเตะของทีมนั้นๆไม่ติดทีมชาติ เพราะไม่เข้าระบบ ถึงกระนั้นอาจมีคนแย้งว่านักเตะทีมชาติญี่ปุ่นไปค้าแข้งนอกประเทศทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องไม่ลืมว่านักเตะของพวกเขาเสพระบบตั้งแต่เด็กจนเข้าไปอยู่ในสายเลือด อีกทั้งการไปค้าแข้งในยุโรป ก็มักจะไปอยู่ในลีกที่แนวทางการเล่นคล้ายๆกันอย่าง บุนเดสลีก้า เยอรมัน เป็นต้น
ฉะนั้นการที่นักเตะทีมชาติไทย ส่วนใหญ่ยังเล่นในลีกของตัวเอง แล้วสโมสรยังต่างคนต่างเลือกระบบของตัวเองแบบนี้ มันคงจะยากยิ่งและเป็นงานหนักของโค้ชในการเตรียมทีม เพราะหากเป็นญี่ปุ่น การเข้าแคมป์ คือ การเร่งความฟิตและลงแท็กติกเพื่อเตรียมลงแข่ง แต่สำหรับทีมชาติไทย ต้องสร้างระบบและทีมเวิร์คใหม่ ซึ่งมันคือสิ่งที่กินเวลาสำหรับฟุตบอลทีมชาติอย่างยิ่ง