รวมเรื่องราวแปลกๆ ของกรรมการฟุตบอลไทยเมื่อครั้งอดีต

 รวมเรื่องราวแปลกๆ ของกรรมการฟุตบอลไทยเมื่อครั้งอดีต

 รวมเรื่องราวแปลกๆ ของกรรมการฟุตบอลไทยเมื่อครั้งอดีต

หากย้อนกลับไปในช่วงที่ฟุตบอลไทยกำลังบูมอย่างขีดสุด เรื่องราวของการทำหน้าที่ของผู้ตัดสิน ถือว่าเป็นปัญหาหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมากในทุกสัปดาห์ เพราะการทำหน้าที่ชี้ขาดในหลายๆครั้งมันค้านสายตา แล้วในหลายๆครั้งมันเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงและความวุ่นวาย แม้ว่าสมาคมฟุตบอลจะมีบทลงโทษไปยังผู้ตัดสินที่ทำผิดพลาด แต่มันก็ไม่ดีขึ้น เพราะเมื่อกลับมาเป่าก็ผิดพลาดเหมือนเดิม นั่นจึงทำให้ช่วงหนึ่ง สมาคมฟุตบอลต้องการลดกระแสเสียดทานตรงนี้ จึงมีแนวทางบางอย่างออกมา ซึ่งหากนำมาเล่าแล้วก็เชื่อได้ว่าหลายคนคงมีคำถามว่า “มันช่วยได้จริงๆหรอ?”

ในช่วงปี 2011-12 กรรมการถูกร้องเรียนมายังสมาคมฟุตบอลอย่างมากมายในทุกสัปดาห์ที่ลงแข่งขัน ซึ่งหลายเสียมองว่าผู้ตัดสินเจตนาจะเอนเอียงเพื่อผลประโยชน์แอบแฝง มากกว่าเป็นความผิดพลาดแบบสุจริต อีกทั้งในหลายๆสัปดาห์ การทำหน้าที่ที่ผิดพลาดยังนำมาสู่กรณีการทำร้ายผู้ตัดสิน หรือปิดล้อมไม่ให้ออกนานหลายชั่วโมง นั่นจึงทำให้ พลเอก ชินเสณ ทองโกมล ในฐานะประธานกรรมการผู้ตัดสิน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำผู้ตัดสินไปสาบานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ส่วนผู้ตัดสินที่นับถือศาสนาอิสลาม จะไปกับนายกบังยี วรวีร์ มะกูดี เพื่อสาบานที่มัสยิด แต่กระนั้นมันก็เหมือนเป็นการจัดฉาก เพราะการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินก็ยังมีความผิดพลาดแบบค้านสายตาเหมือนเดิม

ในช่วงปี 2013-14 นอกจากผู้ตัดสินจะถูกโจมตีในเรื่องการหน้าที่ที่มีความผิดพลาดซ้ำซาก ก็ยังมีประเด็นในเรื่องการจัดตัวผู้ตัดสินไปทำหน้าที่ ซึ่งในบางรายถูกมองว่ามาตัดสินทีมเดิมซ้ำหลายสัปดาห์ พร้อมกับมีการตัดสินที่เอียงเอนไปหาทีมนั้น จนเริ่มเกิดการตั้งคำถามว่าการจัดตัวผู้ตัดสินแบบนี้มีใบสั่งหรือไม่ นั่นจึงทำให้ พลเอก ชินเสณ ทองโกมล ในฐานะประธานกรรมการผู้ตัดสิน สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เปลี่ยนวิธีการใหม่ ด้วยการประกาศรายชื่อผู้ตัดสินที่จะลงทำหน้าที่ในสัปดาห์นั้นๆ แล้วจับสลากหาผู้ตัดสินไปทำหน้าที่ อีกทั้งในเกมบอลถ้วยนัดชิงชนะเลิศ ก็ยังมีการจับสลาก ด้วยการเรียกผู้ตัดสินที่ 1 มา 4 ราย แล้วจับสลากหาผู้ทำหน้าที่  1 ราย ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น 3-4 ชั่วโมง ซึ่งจากแนวทางดังกล่าวนี้เหมือนจะยุติธรรม แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าศักยภาพของผู้ตัดสินนั้นมีไม่เท่ากัน เพราะมันได้เกิดกรณีที่ว่า กรรมการระดับฟีฟ่า ไปทำหน้าที่ในเกมเล็กๆที่ไร้ความหมาย ในขณะที่กรรมการชั้น 1 ที่พึ่งสอบเลื่อนขั้นขึ้นมา ต้องไปทำหน้าที่ในเกมใหญ่ที่มีความหมาย แล้วดันเกิดความผิดพลาดขึ้น

 

หลังจากสมาคมฟุตบอลเปลี่ยนยุคมาเป็น พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง เรื่องของการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินก็ยังคงมีให้เห็น กระทั่งการเข้ามาของ VAR ก็ช่วยให้ปัญหาที่เคยมีมาทั้งหมดคลี่คลายไป แล้วเหลือไว้เพียงเรื่องเล่าที่ได้แต่คิดว่าทำไปได้อย่างไร

 

 

#  รวมเรื่องราวแปลกๆ ของกรรมการฟุตบอลไทยเมื่อครั้งอดีต