ยิม วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จากชลบุรีเอฟซี สู่ บีจีปทุมยูไนเต็ด
ยิม วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จากชลบุรีเอฟซี สู่ บีจีปทุมยูไนเต็ด
ข่าวการย้ายทีมของฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 2021/22 ในช่วงปิดเลกที่ 1 คงไม่มีข่าวไหนฮือฮาได้มากไปกว่าการย้ายทีมของ “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ แนวรุกอนาคตไกลวัย 24 ปีของ ชลบุรี เอฟซี ที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่เป็นเยาวชน แล้วโยกไปอยู่กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งดีลนี้เป็นการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงไม่น้อยเลย
โดยตอนแรกนั้นมีข่าวออกมาว่า “เดอะ แรบบิท” นั้นจ่ายค่าตัวของ “ยิม” สูงถึง 50 ล้านบาท จนกระทั่ง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้จ่ายมากขนาดนั้น (จริง ๆ อยู่ที่ราว ๆ 30 ล้านบาท) โดยที่ “ยิม” จะได้รับค่าเหนื่อยในสัญญา 4 ปี เป็นเงินจำนวน 14 ล้านบาทเลยทีเดียว (ประมาณสามแสนบาทต่อเดือน)
การย้ายทีมในครั้งนี้ถือว่าสร้างความแปลกใจให้กับแฟนบอลไม่น้อยเพราะทางชลบุรี เอฟซี ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขาย ““ยิม” เพราะถือว่าเป็นเพชรเม็ดงามของทีม แต่เหตุผลที่ต้องตัดใจขายนั้น ศศิศ สิงโตทอง ผู้จัดการทีม ก็ได้ให้เหตุผลว่า การเงินของทีมนั้นมีปัญหา ยิ่งมาเจอกับโควิด ก็ยิ่งทำให้ทีมขาดรายได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขายตั๋ว สปอนเซอร์ต่าง ๆ ทำให้รายได้ของทีมลดลงไปเป็นอย่างมาก
การขาย “ยิม” ก็เพื่อทำให้สโมสรมีสภาพคล่องขึ้น สามารถไปต่อได้ ส่วน นักบอลก็จะมีรายได้มากกว่าเดิม ก็เป็นไปตามวิถีของฟุตบอล หากมีข้อเสนอที่น่าสนใจ นักเตะพร้อมไป ทีมก็ยินดีจะขาย ทางที่ชลบุรีเองก็ได้วางแผนดันดาวรุ่งคนอื่นขึ้นมาแทนอยู่แล้ว อีกทั้งยังจะได้ตัว สิทธิโชค ภาโส กลับมาจากทีม ริวกิว เอฟซี ในญี่ปุ่น จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด
คำถามต่อมาก็คือทำไม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ถึงยอมทุ่มลงทุนกับ “ยิม วรชิต” อย่างแรกเพราะหากมองถึงตัวผู้เล่นของ “เดอะ แรบบิท” หลาย ๆ คนอายุเข้าเลข 3 กันไปแล้ว การดึงตัว “ยิม วรชิต” ที่มี อายุเพียง 24 ปี ใช้งานได้อีกนับ 10 ปี ยังถือว่าเป็นการเริ่มถ่ายเลือดใหม่ ด้วยฝีเท้าระดับนี้ สามารถเป็นตัวหลักได้ แถมยังสามารถพัฒนาได้อีกเยอะ อย่างที่สองคือ หากเจ้าตัวยังพัฒนาการเล่นมากขึ้นไปเรื่อย ๆ อนาคตมูลค่าก็จะสูงตามขึ้นไปอีก หากขายออกจากทีมก็คงไม่มีขาดทุนอย่างแน่นอน
หลังจากนี้ก็คงต้องคอยเฝ้าติตามผลงานของ “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กับต้นสังกัดใหม่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จะออกมาแบบไหน และเส้นทางการค้าแข้งของเขาจะก้าวไปถึงระดับไหน ก็คงต้องดูกันต่อไป