บทสรุปการยกเลิกสัญญาระหว่าง เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ กับ สมาคมฟุตบอล
บทสรุปการยกเลิกสัญญาระหว่าง เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ กับ สมาคมฟุตบอล
หลังจากทีมชาติไทย ตกรอบแบ่งกลุ่มในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย ที่ประเทศยูเออี เป็นที่เรียบร้อย แน่นอนว่าแฟนบอลชาวไทยต่างผิดหวังไปตามๆกัน แต่ถึงกระนั้นก็มีข่าวร้ายเข้ามาแทรก นั่นคือ การประกาศยกเลิกสัญญาของสมาคมฟุตบอล กับ เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ อดีตผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก โดยเหตุผลที่พอจะจับใจความได้ คือ อดีตผู้ถือลิขสิทธิ์ ไม่วางเงินประกันตามกรอบเวลาที่กำหนด
ในมุมของ เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ที่เข้ามาถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก เป็นระยะเวลา 8 ปี พร้อมกับการันตีเงินสนับสนุนให้ สมาคมฟุตบอล ปีละ 1,500 ล้านบาท ซึ่งให้มากกว่า ทรู วิชั่นส์ ถึง 2 เท่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีคำถามตัวโตๆจากคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลไทยว่าจะจ่ายไหวหรือ เพราะขนาด ทรู วิชั่นส์ ที่ต้องให้ราว 750 ล้านบาท/ต่อปี แถมมีประสบการณ์อย่างโชกโชนและมีช่องของตัวเอง ยังจ่ายไม่ค่อยจะไหว ฉะนั้น เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้ อีกทั้งยังไม่มีช่องของตัวเอง จึงน่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ถึงกระนั้นหลายคนยังไม่กล้าฟันธง เพราะต้องไม่ลืมว่า เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ก็เชี่ยวชาญการทำรายการเกมส์โชว์ อีกทั้งยังมีแนวทางในการทำแอพพลิเคชั่นกับคู่สัญญาย่อย รวมถึงโปรโมทและประกาศหานักพากย์ไปแล้วด้วย โดยภายภายหลังการยกเลิกสัญญา ก็ได้มีการแถลงการณ์ออกมาว่า ยอมรับในเรื่องที่ผิดสัญญาจริง แต่ทางบริษัทมองว่าต้องมีการปรับและแก้ไขสัญญา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่ถ้าหากคู่สัญญาไม่รับเงื่อนไขและต้องการยกเลิกสัญญา ก็ยินยอมจะจ่ายค่าปรับ
ในมุมของ สมาคมฟุตบอล แน่นอนว่าอยู่ในฝ่ายที่ได้เปรียบ เพราะในรอบปีที่ผ่านมาฟุตบอลไทยต้องลงเตะแบบไม่มีคนดูเป็นส่วนใหญ่ ทำให้รายได้ของสโมสรต่างๆลดลง แต่กลับมีบริษัทที่จะมาให้เงินในมูลค่าที่สูง ฉะนั้นหากได้รับเงินตามจำนวน คือ 1,500 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นการช่วยสโมสรต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเส้นตายในสัญญาระบุบว่าต้องจ่ายภายในวันที่ 1 มิ.ย. แต่สุดท้ายเมื่อเลยกำหนด จึงใช้สิทธิ์ในการยกเลิกสัญญา ซึ่งการที่ สมาคมฟุตบอล กล้ายกเลิกสัญญาที่มูลค่าสูงแบบนี้ แน่นอนว่าต้องมีแผนรองรับไว้แล้ว เช่น การมีบริษัทอื่นที่พร้อมกว่า สมาคมมีแนวทางที่ประเมินว่าจะสร้างรายได้มากกว่า 1,500 ล้านบาท ด้วยการนำไปลงช่องของรัฐ ช่องทางโซเชียล และแอพพลิเคชั่น
สุดท้ายนี้สำหรับแฟนบอลชาวไทย ไม่ว่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยจะไปจบลงที่ตรงไหน แต่จงสบายใจได้ว่าแฟนบอลจะได้ดูการถ่ายทอดสดฟุตบอลอย่างแน่นอน แต่อาจไม่ใช่ช่องโทรทัศน์แบบทั่วไป