บทบาทของถ้วย ก ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา
บทบาทของถ้วย ก ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา
กีฬาฟุตบอลได้แพร่มาถึงสยามประเทศเมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน หรือตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 โดยการเล่นที่แพร่หลายได้นำไปสู่การพระราชทานถ้วยหลวง นั่นคือ ถ้วยพระราชทานประเภท ก และ ข ก่อนที่ ค และ ง จะตามมาในภายหลัง โดยตลอดระยะเวลาก่อนร้อยปีนี้ ถ้วยพระราชทานประเภท ก มีบทบาทอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะไปไล่เรียงกัน
นับตั้งแต่ปี 2459 ได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลแบบทัวร์นาเมนต์ จำนวน 2 ใบ 2 ระดับ คือ ถ้วยพระราชทานประเภท ก (ถ้วยลำดับที่ 1) ส่วนระดับรองลงมา คือ ถ้วยพระราชทานประเภท ข ฉะนั้นหากในปีนั้นๆสโมสรใดคว้าถ้วยนี้ไปได้ มันก็จะเทียบเท่ากับการคว้าแชมป์ประเทศไทยเลยทีเดียว สำหรับสโมสรที่ก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ ก็จะจำกัดในหมู่หน่วยรัฐ กองทัพ สถาบันการศึกษา เป็นหลัก อย่างไรเสียการแข่งขันขันก็เคยเว้นว่างไปนานถึง 15 ปี เพราะอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองและสงครามโลกครั้งที่ 2
การแข่งขันดำเนินมาถึงปี 2539 ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะฟุตบอลไทยสร้างบรรทัดฐานใหม่เพื่อความเป็นมืออาชีพในกติกาสากล ผ่านการตั้งลีกอาชีพ กับฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพ นั่นจึงทำให้ถ้วยพระราชทานประเภท ก ที่จากเดิมเป็นถ้วยรางวัลของทีมชนะเลิศ ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นถ้วยรางวัลสำหรับศึกแชมป์ชนแชมป์ ระหว่างแชมป์ลีก กับ แชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งนี่เป็นการเลียนธรรมเนียมแบบฟุตบอลอังกฤษ หรือที่เรียกกันติดปากว่า แชริตี้ ชิลด์
การแข่งขันแบบแชมป์ชนแชมป์เพื่อชิงถ้วย ก ดำเนินไปได้เพียง 6 ปี ก็มีอันต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เพราะสมาคมฟุตบอลได้มีการระงับการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ ทำให้คู่ชิงถ้วย ก ต้องเลือกมาจากแชมป์ลีก กับรองแชมป์ลีกในฤดูกาลนั้นๆ แต่กระนั้นในปี 2553 ฟุตบอลไทยได้รับกระแสนิยมอย่างมาก ทำให้การแข่งขันเอฟเอ คัพ กลับมาจัดอีกครั้ง พร้อมๆกับการชิงถ้วยพระราชทานประเภท ก ที่จะเอาแชมป์ลีก กับแชมป์บอลถ้วย มาเจอกันก่อนเปิดฤดูกาล ที่สนามศุภชลาศัย
การเข้ามาของนายกสมาคมฟุตบอลคนใหม่อย่าง สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้เปลี่ยนบทบาทถ้วย ก อีกครั้ง กับการนำถ้วยเก่าแก่ใบนี้ไปมอบให้กับทีมแชมป์ลีก ในปี 2559 จากนั้นถ้วยพระราชประเภท ก ก็ถูกยกเลิกไป โดยในศึกแชมป์ชนแชมป์ ได้ตั้งชื่อและถ้วยใหม่ว่า ไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนส์คัพ
ตลอดระยะเวลากว่า 100 ปีเต็ม ถ้วยพระราชทานประเภท ก ได้เปลี่ยนบทบาทตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งหายสาบสูญไปจากวงการฟุตบอลไทย ฉะนั้นการเล่ากล่าวในบทความนี้จึงอยากจะสื่อไปให้ถึงแฟนบอลรุ่นใหม่ที่อาจไม่รู้จัก หรือไม่เคยสัมผัสบรรยากาศการแข่งขันของถ้วยใบนี้ เพื่อให้อย่างน้อยๆได้ทราบถึงว่าถ้วยใบนี้มีความสำคัญกับฟุตบอลไทยเมื่อครั้งอดีตอย่างไร