การรับถ้วยที่แสนว้าวุ่นของ บุรีรัมย์
การรับถ้วยที่แสนว้าวุ่นของ บุรีรัมย์
ตามธรรมเนียมสากลของโลกฟุตบอล รวมถึงไทยลีก หากมีทีมใดคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการ ก็จะมีการมอบถ้วยในแมตช์สุดท้ายที่เล่นในบ้าน หรือหากยังไม่ทางการ ก็จะต้องยกถ้วยไปเตรียมความพร้อมไว้ ไม่ว่าจะไปแข่งที่ไหน แต่แล้วสำหรับลีกไทย มันอยู่ 2 ครั้งที่เป็นดราม่าเกี่ยวกับการรับถ้วย แล้วใน 2 ครั้ง ดังกล่าวมันก็มาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทีมเดียว โดยเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับ ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011 บุรีรัมย์ พีอีเอ (ชื่อเก่าของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) เข้าป้ายในฐานะแชมป์เรียบร้อย ฉะนั้นตามธรรมเนียมหากคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการก่อนลีกจะจบ จะต้องมีการมอบถ้วยในเกมนัดสุดท้ายในบ้าน โดยนัดรองสุดท้ายของปราสาทสายฟ้า เตะก่อนจะถึงวันปีใหม่ ทำให้พวกเขาหวังว่าการจะได้ฉลองแชมป์สมัยแรกจะเป็นของขวัญวันปีใหม่ไปในตัว แต่แล้วสมาคมฟุตบอลในยุคนั้นดันแจ้งว่าไม่มีความพร้อมที่จะจัดให้ได้ทันแมตช์นี้ จึงขอไปมอบในนัดสุดท้ายที่จะออกไปเยือน เชียงราย ยูไนเต็ด ที่สนามมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแทน นั่นจึงทำให้ประธานสโมสรแห่งทัพปราสาทสายฟ้าไม่พอใจและประกาศเสียงแข็งว่าจะไม่ให้นักเตะและสตาฟขึ้นรับถ้วย กระทั่งเกมเกมจบลง 2-2 ทัพนักเตะและสตาฟต่างเดินทางไปยังสนามบินทันที พร้อมกันนั้นได้ยังได้ส่งเด็กยกน้ำมารับถ้วย ซึ่งการแสดงออกเช่นนี้นับเป็นการหักหน้าสมาคมอย่างยิ่ง เพราะวันนั้นผู้ใหญ่ของสมาคมมาครบ พร้อมกับแขกจากต่างประเทศ
อีกเหตุการณ์ต้องเว้นวรรคมานานถึง 8 ปี โดยไทยลีก 1 ฤดูกาล 2019 สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ทำแต้มนำมาตลอด แต่ในช่วงท้ายมีแผ่วจนถูก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำแต้มแซง ซึ่งในตอนนั้น ปราสาทสายฟ้ามีภาษีดีกว่ามากๆ เพราะขอแค่ชนะ เชียงใหม่ เอฟซี ที่ตกชั้นไปแล้วเป็นพอ อีกทั้งตามธรรมเนียม ถ้วยแชมป์ต้องไปอยู่ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี รังเหย้าของพยัคฆ์ล้านนา แต่อย่างไรเสีย ท่านประธาน เนวิน ชิดชอบ ดันออกมากล่าวว่าให้สมาคมฟุตบอล นำถ้วยแชมป์ไปไว้ที่สนามกีฬากลางสุพรรณบุรี (สุพรรณบุรี เอฟซี พบกับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด) พร้อมกับวลีติดหูว่า “ผมจะไม่รับถ้วยที่เชียงใหม่ “ แต่จะขอจัดพิธีมอบถ้วยเอง ส่วนในเกมการแข่งขัน บุรีรัมย์ ขึ้นตั้งแต่ครึ่งแรก แล้วรูปเกมส่อแววจะเก็บ 3 แต้มได้ไม่ยาก แต่แล้วท้ายเกม เชียงใหม่ เอฟซ ดันมาตีเสมอ จนกลายเป็นการช่วยเพื่อนบ้านอย่าง เชียงราย ให้ไปให้ถึงแชมป์ โดยหลังเกม วลีที่ท่านประธานสโมสรได้กล่าว กลายเป็นที่หยอกล้อกันอย่างสนุกสนานในโลกโซเชียล