การซื้อตัวผู้เล่นไทยแบบรัวๆของ บุรีรัมย์ กำลังสื่ออะไรให้เราเห็น
การซื้อตัวผู้เล่นไทยแบบรัวๆของ บุรีรัมย์ กำลังสื่ออะไรให้เราเห็น
เมื่อกลางฤดูกาลก่อน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้กลืนน้ำลายที่เคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่ซื้อนักฟุตบอลไทยจากสโมสรไหนๆอีก ด้วยการซื้อตัว จักรกฤษณ์ ลาภตระกูล มาจาก สมุทรปราการ ซิตี้ ส่วนในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ได้จัดการสอย ชุติพนธ์ ทองแท้ อดีตเด็กปั้นของทีมที่ไปเติบโตยังที่อื่น กระทั่งในวันนี้ปีกกล้าขาแข็งพร้อมกลับมารับใช้ทีม, นิรันดร์ มีมาก แข้งประสบการณ์การสูง และ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าพร้อมจะยืนแถวหน้าในวงการฟุตบอลไทยแล้ว ซึ่งจากการคว้าผู้เล่นไทยถึง 4 ราย ในรอบปี มันกำลังสื่อเราเห็นอะไรจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันนี้เราจะมาไข้ข้อข้องใจกัน
หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ในช่วงที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พึ่งซื้อทีมมาจากการไฟฟ้า พวกเขาได้เดินนโยบายในการซื้อตัวไทยและเทศ ที่อยู่ในระดับเกรดพรีเมี่ยม ซึ่งผลตอบแทนที่ได้ คือ แชมป์ทุกถ้วยทุกรายการและทุกปี จนกลายเป็นการผูกขาด นั่นจึงทำให้นายใหญ่ของทีมเริ่มวางแนวทางที่จะต่อยอด ด้วยการดันเยาวชนจากอะเคมี่ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ จากนั้นก็จะเสริมความแข็งแกร่งด้วยตัวโควตาต่างขาติ โดยไม่มีการเสริมผู้เล่นชาวไทย
แต่แล้วการต่อยอดในครั้งนี้มันก็ไม่ง่ายดายอย่างที่คิด เพราะตัวเยาวชนที่ดันขึ้นมา มันมีเพียงแค่ 2-3 คนเท่านั้น ที่ศักยภาพถึงและเล่นให้กับทีมได้ เช่น 2 พี่น้อง ศุภโชค-ศุภณัฐ และศุภชัย ส่วนรายอื่นๆก็เล่นได้ แต่จะเหมาะกับการเล่นทีมระดับกลางลงไปมากกว่า ขณะที่โควตาต่างชาติที่หวังว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ทีมแข็งแกร่ง ก็ไม่ได้ดีเหมือนที่หวัง เพราะนโยบายการดึงตัวมาจากที่อื่นแบบฟรีเอเยนท์ แล้วต้องเล่นได้ทันที ก็ยิ่งทำให้โครงสร้างของทีมเละ เพราะอย่างฤดูกาลที่ผ่านมา ตัวต่างชาติยังไม่มีเวลาได้ปรับตัว ก็โละทิ้งไปถึง 4รอบ ซึ่งการทำแบบนี้อาจไม่ได้เห็นศักยภาพที่แท้จริง
การดึงตัวผู้เล่นไทยมาจากสโมสรอื่น จึงสื่อให้เห็นว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รู้แล้วว่าปัญหาของทีมคืออะไร และอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ทีมไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นการซื้อตัวผู้เล่นชาวไทยจึงเป็นทางออกของเรื่องนี้ เพราะตัวผู้เล่นที่ดึงเข้ามา ไม่ใช่ดาวรุ่งดวงใหม่ หากแต่มีประสบการณ์และพร้อมจะพิสูจน์ตัวเองในระดับสูง ซึ่งมันดีกว่าการดันเยาวชนเพียงอย่างเดียว เพราะผู้เล่นที่อายุน้อยย่อมต้องแบกความกดดันและความคาดหวังในผลงาน นอกจากนี้ ปราสาทสายฟ้า ยังดูมีท่าทีในการให้โอกาสผู้เล่นชาวต่างชาติในการปรับตัว ซึ่งมันอาจดีกว่าการโละแบบบ้าระห่ำอย่างที่เคยเป็นมาก็ได้